โช๊คอัพ profender4x4

โช๊คอัพ profender4x4 – เป็นอุปกรณ์ ไฮดรอลิค สำคัญที่ช่วย ในการรองรับแรง กระแทก ลดแรงสั่น สะเทือนของรถ และยังทำหน้าที่ หน่วงการเคลื่อนที่ ขึ้นลงของตัวถังรถยนต์ เพื่อให้ล้อรถ สัมผัสกับผิว ถนนตลอดเวลา ขณะรถวิ่ง โดยการควบคุม การยุบและ การสั่นของสปริง หรือแหนบ โดยการเปลี่ยน การสั่นสะเทือน จากพลังงานกล เป็นพลังงาน ความร้อน

หน้าที่ของ โช๊คอัพ profender4x4 

  • ดูดซับการสั่นของสปริง ทำให้การเด้ง ขึ้น-ลง หรือการเต้นของตัวรถยนต์ ลดน้อยลง
  • ทำให้การสั่น หรือการเต้นของน้ำหนัก ที่สปริงไม่ได้รองรับ เช่น ล้อ เพลาล้อ ตัวห้ามล้อ ฯลฯ ลดน้อยลง

ประโยชน์ของโช้คอัพ profender4x4 

  • ความสะดวกสบายของผู้ขับขี่ ทำให้เกิดความนิ่มนวลขณะขับขี่
  • ความปลอดภัยของผู้ขับขี่ รถทรงตัวดี ลดการโคลงเคลงของตัวรถ
  • ความประหยัด ลดการสึกหรอของยาง ระบบรองรับและระบบบังคับเลี้ยว

ประเภทของโช้คอัพ

แบ่งตามสื่อการทำงานได้ 2 ระบบคือ

  1. โช้คอัพน้ำมัน ใช้น้ำมันไฮดรอลิค เป็นตัวทำงาน ให้เกิดความหนืด เพียงอย่างเดียว ในขณะที่ ทำงานน้ำมัน ไฮดรอลิคจะไหล ผ่านวาล์วภาย ในลูกสูบจึงทำให้เกิดฟอง อากาศขึ้นภาย ในน้ำมันไฮดรอลิค ฟองอากาศ ของน้ำมันจะ ทำให้โช้คอัพ ทำงานได้ไม่ดี เท่าที่ควร โดยเฉพาะ กับรถที่ต้อง ใช้ความเร็วสูง เพราะถ้าฟอง อากาศแตก จะทำให้โช้คอัพ เกิดการขาดช่วง การทำงานในช่วงสั้น ๆ
  2. โช้คอัพแก็ส อาศัยการทำงาน ร่วมกันระหว่าง แก๊สไนโตรเจน และน้ำมันไฮดรอลิค เมื่อโช้คอัพ ได้รับแรงสะเทือน จากพื้นถนน ลูกสูบของ โช้คอัพจะเลื่อนตัวลงมา ด้านล่างของ กระบอกลูกสูบ ทำให้น้ำมัน ไฮดรอลิคที่บรรจุ ในกระบอกสูบ ไหลผ่านวาล์ว ขึ้นไปห้องน้ำมัน ด้านบน และน้ำมัน อีกส่วนไหลผ่านวาล์ว ด้านล่างเข้า ไปในห้องน้ำมัน สำรอง ขณะเดียวกัน น้ำมันในห้อง น้ำมันสำรอง จะทำการอัดแก๊ส ไนโตรเจนให้เกิด แรงดัน เมื่อแก๊สมี แรงดัน ก็จะดันน้ำมันไฮโดรลิค ที่อยู่ในห้องน้ำมัน สำรอง กลับเข้าสู่กระบอก สูบดังเดิมโดยใน ขณะเดียวกัน แรงดันที่เกิดขึ้น ก็จะทำให้ฟองอากาศแตกตัว

อาการที่แสดงว่าควรเปลี่ยนโช้คอัพ

  1. ลองกดรถยนต์ ด้านหน้าแล้ว ปล่อย ถ้ารถยนต์มีอาการ เด้งขึ้นลงหลาย ๆ ครั้งแสดงว่า โช้คอัพเสื่อม สภาพแล้ว โช้คอัพที่ดี เมื่อออกแรงกด จะยุบตัว และคืนตัวเป็น ระดับปกติ ทันทีโดยไม่มี การเด้งขึ้น ลงหลายครั้ง
  2. สังเกตรอยรั่ว ของน้ำมัน โดยตรวจเช็ค บริเวณซีลโช้คอัพ ถ้ามีคราบน้ำมัน เปรอะเปื้อน บริเวณแกน โช้คอัพ แสดงว่ามี การรั่วซึมเกิดขึ้น
  3. ตัวโช้คอัพ เกิดรอยบุบ มีการบิดเบี้ยว ของกระบอกโช้ค หรือแกนโช้ค มีอาการคดงอ
  4. บริเวณหน้ายาง ของรถยนต์สึก ไม่สม่ำเสมอ เป็นบั้ง ทั้งที่ตั้งศูนย์ ล้อถูกต้องแล้ว
  5. หลังจากใช้งาน เมื่อจอดรถ ให้ใช้มือสอดเข้าไป สัมผัสกับกระบอก โช้คอัพทันที ถ้ากระบอก โช้คอัพมี ความร้อน แสดงว่าโช้คอัพ ยังสามารถใช้งานได้อยู่ แต่ถ้าสัมผัส แล้วกระบอกโช้คอัพ มีอุณหภูมิปกติ แสดงว่าโช้คอัพ ไม่มีการทำงาน
  6. ขณะเริ่มออกตัวโดยใช้ความเร็วปกติ ถ้าหน้ารถเชิดขึ้น และขณะเบรกที่ความเร็วต่ำหน้ารถทิ่มลง แสดงว่าโช้คอัพเริ่มเสื่อมสภาพแล้ว
  7. มีอาการกระเด้ง กระดอนขึ้นลง เมื่อรถวิ่งผ่าน เนินเล็ก ๆ หรือคอสะพาน ขณะขับขี่นั้น มีความรู้สึกว่ารถยนต์ สั่นไม่นิ่มนวล
  8. เมื่อรถวิ่ง ความเร็วสูง (80กม./ชม.) เมื่อถูกลม ปะทะด้านข้าง รถจะเสีย การทรงตัวไป จากทิศเดิม มากผิดปกติ

สาเหตุที่ทำให้โช้คอัพเสีย

  1. การกระแทก อย่างรุนแรง เนื่องจาก เมื่อโช้คอัพ มีการแตก หรือรั่วซึม โช้คอัพ จะไม่สามารถหน่วง การยืดหรือยุบตัว ของสปริงได้ เมื่อล้อบดทับบน ก้อนกรวดหรือ ตกหลุมสปริง จะมีการยุบ – ยืดตัว อย่างเต็มที่ จนสุดระยะยุบ เป็นผลให้เกิด การกระแทก ของชิ้นส่วน
  2. ควบคุมรถยาก เพราะโช้คอัพ ไม่สามารถควบคุม สปริงได้ ทำให้ช่วงล่าง รถยนต์เต้น จนลอยจาก พื้นถนน ถ้าเกิดในขณะ ที่ขับรถเข้าโค้ง แม้ว่าโช้คอัพจะเสียเพียง ข้างเดียว ผลที่เกิดขึ้น ก็จะทำให้สมดุล การทรงตัวของ รถทั้งคันเสียไป เป็นเหตุให้การใช้ รถไม่ปลอดภัย
  3. ยางสึกผิดปกติ เป็นอาการหนึ่ง ที่บ่งบอกได้ว่าเกิด การผิดปกติ ที่โช้คอัพได้ เช่นกัน โดยการสึกจาก โช้คอัพชำรุดยาง จะมีลักษณะ เป็นหลุม ๆ สึกเป็นช่วงๆ
  4. สปริงทรุด การขืนใช้โช้คอัพ ที่ชำรุดจะทำให้ช่วงล่าง ทั้งระบบเกิดการ สึกหรอตาม กันไป โดยเฉพาะสปริง เนื่องจาก โช้คอัพไม่ สามารถควบคุม ป้องกันการเคลื่อนที่ ที่ผิดปกติของ สปริงได้

สิ่งที่ควรคำนึงถึงในการเลือกซื้อโช้คอัพ

  • นอกจากยี่ห้อ ราคา ประเภทของ โช้คอัพแล้ว ยังต้อง คำนึงถึง “ช่วงชัก” หรือระยะการยืด-ยุบของตัวโช้คอัพ สิ่งต่อมา ที่ต้องคำนึงถึง คือลักษณะของ “หูโช้ค” เพราะอาจมี เหมือนกันที่ซื้อมา แล้วใส่ไม่ได้ เพราะหูโช้คอัพ คนละแบบกัน โดยหูโช้คอัพ ที่มีใช้กันอยู่จะมี 5 แบบ วิธีการที่ดี ที่สุดคือการถอดเอาของเดิมไปเทียบ เพราะส่วนใหญ่ แล้วหูโช้คอัพด้านบน กับด้านล่างจะ ไม่เหมือนกัน
  • โดยเฉพาะในช่วงล่างด้านหน้าของรถกระบะคือ “ความโตของกระบอกโช้คอัพ” เพราะรถกระบะส่วนใหญ่ใช้ช่วงล่างแบบปีกนกคู่ โช้คอัพมักจะเสียบอยู่ระหว่างกลางปีกนกบน ถ้าเลือกโช้คอัพที่กระบอกใหญ่เกินพอดี เวลาที่ปีกนกเคลื่อนที่ โช้คอัพจะเสียดสีหรือกระทบกระแทกกับปีกนก เป็นเหตุให้โช้คอัพทำงานไม่สมบูรณ์และชำรุดก่อนเวลาอันควร

กลับสู่หน้าหลัก – savecyber